วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Present Simple Tense

หลักการใช้ Present Simple Tense

1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น

1. The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก )

2. Fire is hot. ( ไฟร้อน )

2. ใช้กับการกระทำที่กระทำอยู่จนเป็นนิสัย มักจะมีกลุ่มคำที่มีความหมายว่า เสมอๆ บ่อยๆ ทุกๆ อยู่ด้วย เช่น

I get up at six o’clock every day. ( ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาทุกวัน )

He plays football every day. ( เขาเล่นฟุตบอลทุกวัน )

หลักการเติม s ที่คำกริยา

1. กริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, o, หรือ x ให้เติม e ก่อนแล้วจึงเติม s เช่น

pass - passes = ผ่าน

brush - brushes = แปรงฟัน

catch - catches = จับ

go - goes = ไป

box - boxes = ชก

2. กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น ie แล้วจึงเติม s เช่น

cry - cries = ร้องไห้

fry - fries = ทอด

try - tries = พยายาม

ข้อยกเว้น ถ้ากริยานั้นหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย เช่น

play - plays = เล่น

stay - stays = พัก

3. กริยาที่นอกเหนือจากที่กล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 ให้เติม s ได้เลย

ประโยค Present Simple Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง : Subject + Verb 1 (s )

( ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ( s ) )

( เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 หลังคำกริยาจะต้องเติม s )

ตัวอย่าง : 1. I go to school by car. (ฉันไปโรงเรียนโดยรถยนต์)

2. He walks to school. ( เขาเดินไปโรงเรียน )

3. You play football every day. ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวัน )

4. Somsri and Somsak study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )

ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย มีหลักการใช้ดังนี้

do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ you

does ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

โครงสร้าง : Subject + do / does + not + Verb 1

( ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. I do not ( don’t ) go to school by car. ( ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ )

2. He does not ( doesn’t ) walk to school. ( เขาไม่เดินไปโรงเรียน )

3. You do not play football every day. ( คุณไม่เล่นฟุตบอลทุกวัน )

4. Somsri and Somsak do not study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์ไม่เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )

ข้อสังเกต : เมื่อนำ does มาช่วยในประโยคแล้ว ต้องตัด s ออกด้วย

ประโยค Present Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ do หรือ does มาวางไว้หน้าประโยค

และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Do / Does + Subject + Verb 1 ?

( Do / Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. Does he walk to school ? (เขาเดินไปโรงเรียนใช่หรือไม่ )

-Yes, he does. ( ใช่ เขาเดินไปโรงเรียน )

-No, he doesn’t. ( ไม่ใช่ เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียน )

2. Do you play football every day ? ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวันใช่หรือไม่ )

-Yes, I do. ( ใช่ ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน )

-No, I don’t. ( ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เล่นฟุตบอลทุกวัน )

คราวนี้ลองมาทดสอบกับแบบฝึกหัดกันดูดีกว่า

1. She __________ to school every day.
walk
walks
walkes

2. They __________ like deer.
likes
like
liked

3. We don’t ___________ snake.
like
likes
liked

4. My father _________ in the farm every day.
work
works
worked

5. My mother always ________ in the morning.
get up
got up
gets up

6. She __________ English book everyday.
reads
readed
read

7. We __________ every morning.
run
runs
running

8. It always__________ under the tree.
sleep
sleeping
sleeps

9. I and my sister __________ TV. every night.
watches
watchs
watch

10. Sara and Dara __________ a song everyday week.
sing
sings
singing

11. I________ play in class room.
didn’t
isn’t
doesn’t
don’t

12. We ________ sleep in the class room.
don’t
doesn’t
isn’t
was not

13. Susan_________ come to school by bus.
does
don’t
doesn’t
isn’t

14. Andy _____ ________ coffee.
don’t drinks
doesn’t drinks
doesn’t drink
could drink

15. They________ go to sleep late.
don’t
aren’t
does not
does

16. Mother______ buy food everyday.
isn’t
don’t
isn’t
doesn’t

17. He _______ swim in the river.
does
doesn’t
could
don’t

18. Malee_______ speak English well.
do not
can
doesn’t
don’t

19. The doctors________ grow rice.
did
don’t
doesn’t
aren’t

20. The dog______ _______ to the market with Kanda.
don’t go
doesn’t goes
don’t goes
doesn’t go

เฉลย

ข้อที่ 1.
คำตอบคือ walks
ข้อที่ 2.
คำตอบคือ like
ข้อที่ 3.
คำตอบคือ like
ข้อที่ 4.
คำตอบคือ works
ข้อที่ 5.
คำตอบคือ gets up
ข้อที่ 6.
คำตอบคือ reads
ข้อที่ 7.
คำตอบคือ run
ข้อที่ 8.
คำตอบคือ sleeps
ข้อที่ 9.
คำตอบคือ watch
ข้อที่ 10.
คำตอบคือ sing
ข้อที่ 11.
คำตอบคือ don’t
ข้อที่ 12.
คำตอบคือ don’t
ข้อที่ 13.
คำตอบคือ doesn’t
ข้อที่ 14.
คำตอบคือ doesn’t drink
ข้อที่ 15.
คำตอบคือ don’t
ข้อที่ 16.
คำตอบคือ doesn’t
ข้อที่ 17.
คำตอบคือ doesn’t
ข้อที่ 18.
คำตอบคือ doesn’t
ข้อที่ 19.
คำตอบคือ don’t
ข้อที่ 20.
คำตอบคือ doesn’t go

เป็นอย่างไรกันบ้าง นักเรียนควรได้อย่างน้อยสัก 12 ข้อนะครับ หากมีอะไรไม่เข้าใจมาหาครูก๊อตได้เลยครับ

Present Continuous Tense

สัปดาห์แรกที่เราเรียนจะเป็นเรื่อง Present continuous Tense หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Present Progressive จริง ๆ แล้ว Tense นี้เราเริ่มเรียนกันมาแล้วตั้งแต่ตอนนู๋ ๆ อยู่ ป.2 แต่เนื้อหาและคำศัพท์ใน ป.6 นี้ อาจจะยากขึ้นสักหน่อย แต่ครูก๊อตเชื่อว่าคงไม่เกินความสามารถของนักเรียนระดับเทพอย่างพวกนู๋ ๆ หรอก จริงไหม?
เราลองมาทบทวนบทเรียนกันเพิ่มเติมดีกว่า เพื่อทำความรู้หล่นไปขณะออกมาจากห้องเรียนแล้วไปวิ่งเล่น เริ่มกันเลยดีกว่า

เราใช้ Present continuous Tense ในสถานการณ์ต่อไปนี้






















































จะเห็นได้ว่า Present Continuous Tense เราจะต้องนำ V. to be ในรูป Present เข้ามาช่วย เพื่อทำให้ประโยคถูกต้องและสมบูรณ์
คราวนี้เราลองมาดูรูปประโยคชนิดต่าง ๆ กัน


รูปประโยคบอกเล่า : Sub. + V. to be + V. ing

He is sleeping.










รูปประโยคปฏิเสธ : Sub. + V. to be + not + V. ing







They are not playing football.



They are performing the show.

























รูปประโยคคำถาม ครูก๊อตแบ่งให้นักเรียนดูเป็น 2 แบบ






แบบที่ 1 คือ Wh (questions) + V. to be + Sub. + V. ing เช่น






What is she doing at the moment? (เธอกำลังทำอะไรอยู่?) คำถามที่มี Wh (questions) นั้น นักเรียนอย่าเผลอไปตอบ Yes หรือ No นะ เพราะประโยคถามว่าทำอะไรอยู่ เราก็ต้องตอบกลับไปในรูปของประโยคบอกเล่า เช่น






She is cooking dinner. เป็นต้น






แบบที่ 2 คือ V. to be + Sub. + V. ing คำถามแบบนี้จะตอบเพียง Yes หรือ No เช่น






Is she singing a song?






เราตอบ Yes, she is. หรือ No, she isn't.



























คราวนี้ลองมาทำแบบฝึกหัดกันดีกว่า ให้นักเรียนเลือกข้อที่ถูกที่สุด





1. Kim__________ football now.
is playing
are playing
am playing
to playing

2. I____________hats.
is buying
are buying
am buying
to buying

3. She___________TV.
watches
is watching
are watching
am watching

4. They ____________now.
is sleeping
am sleeping
to sleeping
are sleeping

5. The boys ________ to the river.
is going
are going
goes
to going

6. My mother _________the clothes.
washing
to washing
is washing
are washing

7. The teacher_____________on the blackboard.
is not drawing
are not drawing
am not drawing
don’t draw

8. __________they reading english now?
Does
Am
Is
Are

9. The birds____________in the sky.
is not flying
are not flying
not flying
don’t fly

10. ______he listening to the radio?
Are
Am
Is
Do


ดูสิได้กี่ข้อเอ่ย
ข้อที่ 1.
คำตอบคือ is playing
ข้อที่ 2.
คำตอบคือ am buying
ข้อที่ 3.
คำตอบคือ is watching
ข้อที่ 4.
คำตอบคือ are sleeping
ข้อที่ 5.
คำตอบคือ are going
ข้อที่ 6.
คำตอบคือ is washing
ข้อที่ 7.
คำตอบคือ is not drawing
ข้อที่ 8.
คำตอบคือ Are
ข้อที่ 9.
คำตอบคือ are not flying
ข้อที่ 10.
คำตอบคือ Is


หากนักเรียนมีข้อสงสัย สามารถมาถามครูก๊อตได้เลยนะครับ


ขอขอบคุณที่ติดตาม


ครูก๊อต

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไม่แก่เกินเรียน แต่อยากแก่แล้วมาเรียนหรือ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก independentmail.com

ฮาเซล สวอเรซ สตรีชาวอเมริกัน กลายเป็นผู้สำเร็จการศึกษาที่แก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หลังจากเข้ารับประกาศนียบัตรระดับอนุปริญญาในวัย 94 ปี ที่ Mills College เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

โดยคุณทวดสวอเรซ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1915 เรียนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนรูสเวลท์ ในโอ๊คแลนด์ เมื่อปี 1932 ขณะอายุได้ 17 ปี แต่ไม่ได้ศึกษาต่อเนื่องจากภาวะวิกฤตทางการเงิน ซึ่งตั้งแต่นั้นมาเธอก็เริ่มสนใจด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและศึกษาด้วยตัวเองมาตลอด

ซึ่ง สวอเรซ บอกว่า เธอไม่คิดว่าเธอแก่เกินไปที่จะเรียนหนังสือ แม้จะเป็นปัญหาอยู่ในช่วงแรกที่เธอตัดสินใจเข้ามาเรียนก็ตาม แต่เธอคิดว่าเธอยังมีโอกาสและมันไม่สายเกินไป และแม้ว่าการกลับมาเรียนในครั้งนี้ใช้เวลายาวนานหน่อย คือ ประมาณ 5 ปี เพราะชีวิตเธอมีอะไรต้องทำเยอะ แต่สุดท้ายก็เรียนจบจนได้ นี่จึงเป็นความสำเร็จที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมากเลยทีเดียว

ทั้งนี้ คุณทวดสวอเรซได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คให้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาที่แก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก โนลา ออชส์ จากรัฐ Kansas ที่เพิ่งจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัย Fort Hays ไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ด้วยวัย 95 ปี

จะเห็นได้ว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน ทุกคนต้องการให้การศึกษาพัฒนาตนเอง แต่หากนักเรียนอยากประสบความสำเร็จในชีวิตก็ควรตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตที่สดใสนะครับ ครูก๊อตเอาใจช่วย